วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

อิ่งอ้อย หอยนำโชค

    เมื่อพูดถึงเครื่องรางของลังในประเทศไทยของเรานั้นต้องยอมรับกันอยู่อย่างหนึ่งครับมีด้วยกันมากมายหลายอย่าง หลายประเภท ซึ่งบางอย่างเองก็ก็เป็นที่รู้จักกันในแถบท้องถิ่นไม่ได้กระจายมาในส่วนกลางจึงเป็นสาเหตุให้เครื่องรางของขลังเหล่านี้แทบจะไม่เคยเห็นไม่ค่อยได้ยินแต่ก็มีฤทธานุภาพไม่แพ้เครื่องรางอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่นเครื่องรางที่ผมกำลังจะพูดถึงต่อไปนี้นั่นก็คือ “อิ่งอ้อย หอยนำโชค”

    เมื่อพูดถึง “อินออน” หรือ “อิ่งอ้อย” แล้วเชื่อว่าหลายคนในแถบภาคกลางอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูสักเท่าไหร่นักแต่สำหรับคนที่อยู่ในบริเวณภาคอีสานแถบลุ่มแม่น้ำโขงจะรู้จักเครื่องรางชนิดนี้เป็นอย่างดีเพราะบรรดาพระเกจิอาจารย์ทั้งหลายในแถบนั้นมักจะนำอิ่งอ้อยมาเสกหรือมาลงอักขระเรียกเงินเรียกทองให้กับลูกศิษย์ลูกหาเพื่อให้พกติดตัวไปค้าขายหรือทำกิจการก็จะทำให้ค้าขายดีมีเงินทองรวมไปถึงการเสี่ยงโชคหาลาภอีกด้วย


    ทีนี้มาถึงคำถามที่ว่าอิ่งอ้อยนั้นคืออะไรกันแน่เพราะบรรดาผู้ปรกปลุกเสกเครื่องรางอิ่งอ้อยทั้งหลายมักเรียกเจ้า อิ่งอ้อยนี้ว่าเป็นหอยชนิดหนึ่งที่มีจิตวิญญาณเพราะด้วยสาเหตุที่ว่าหากนำน้ำส้มหรือมะนาว มาบีบราดบนตัวอิ่งออยก็จะทำให้เกิดฟองผุดขึ้นมาอีกทั้งยังสามารถเคลื่อนไหวได้เองอย่างน่าประหลาดใจดังนั้นจอมขมังเวทย์ด้านเครื่องรางทั้งหลายจึงยกย่องให้อิ่งอ้อยเป็นของทนสิทธิ์ประเภทหนึ่งอีกด้วย

    แต่ถ้าหากมองกันตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วเจ้าอิ่งอ้อยนี้ก็คือตัวฝาปิดเปลือกของหอยในวงศ์สกุลหนึ่งที่มีลักษณะเป็นหินปูนเปลือกหอยซึ่งเมื่อใดก็ตามที่โดนกับของที่มีสภาวะเป็นกรดก็จะเกิดการทำปฏิกิริยากันและทำให้หอยเคลื่อนไหวได้นั่นเองแต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าวิทยาศาสตร์จะสามารถอธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ก็ตามทีแต่ในเรื่องของการเรียกทรัพย์ ทำมาค้าขายดีที่เกิดขึ้นจริงนั้นยังหากสาเหตุมาอธิบายไม่ได้

    อิ่งอ้อยนั้นถูกนำมาใช้สร้างเป็นเครื่องรางของขลังมานานหลายสิบปีแล้วแต่สำหรับในส่วนของภาคกลางเพิ่มจะมีการรู้จักอิ่งอ้อยเมื่อประมาณ 6-7 ปีที่แล้วมานี้เองโดยผู้ที่นำมาเผยแพร่ให้รู้จักก็คือพระครูพิบูลย์นวกิจหรือที่เรารู้จักกันดีในนามของหลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต พระเกจิอาจารย์อาคมขลังสายสำเร็จลุนนั่นเองโดยหลวงปู่คำบุนั้นท่านจะนำอิ่งอ้อยที่ได้สัดส่วนตามตำรามาปลุกเสกอธิษฐานจิตรอบหนึ่งก่อนที่จะทำการลงอักขระลงด้านใต้ของอิ่งอ้อยด้วยอักขระคาถาเรียกเงินเรียกทองจากนั้นจึงปลุกเสกซ้ำเพื่อมอบให้กับลูกศิษย์ที่ต้องการ ปัจจุบันถือเป็นของดีหาอยากอีกชิ้นหนึ่งครับ

1 ความคิดเห็น:

เวลา 17 มีนาคม 2563 เวลา 06:22 , Blogger Unknown กล่าวว่า...

มีอีกปะคับ

 

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก